ตำนานแห่งซิลมาริล : จุดเริ่มต้นของนวนิยายแฟนตาซีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ 20

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

ตำนานแห่งซิลมาริล หรือ The Silmarillion เป็นนิยายจินตนิมิต (วรรณศิลป์ประเภทหนึ่งที่มีเค้าโครงหรือเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์และเรื่องเหนือจริง) ที่กำเนิดขึ้นโดยจินตนาการของนักเขียนแฟนตาซีที่ยิ่งใหญ่คนนึงของโลก อย่าง เจ อาร์ อาร์ โทลคีน ซึ่งหากคนที่เป็นแฟนภาพยนตร์หรือแฟนนิยาย The lord of the ring (Lotr) กับ The hobbit ก็จะทราบกันดีเพราะนักเขียนคนนี้ก็คือคนที่เขียนวรรณกรรมที่ยิ่งใหญ่ทั้ง 2 เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน 

    ในแง่ของชื่อเสียงตำนานแห่งซิลมาริล เป็นรอง Lotr รวมถึง The hobbit มากโข คนส่วนใหญ่ที่ไม่ค่อยชื่นชอบนิยายเชิงบรรยายพรรณาประวัติศาสตร์ก็จะไม่ชอบงานเขียนนี้สักเท่าไร แต่ถ้าคนที่เป็นแฟนภาพยนตร์หรือแฟนวรรณกรรมไม่ว่าจะเป็น The lord of the ring หรือ The hobbit ตัวยงก็สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องอ่านวรรณกรรมสำคัญชิ้นนี้เพราะนอกจากจะเป็น ปฐมบทต้นกำเนิดแผ่นดิน Middle earth (มัชฌิมโลก) ใน The hobbit และ Lotr แล้ว เรายังจะได้เห็นอัจฉริยภาพอันยิ่งใหญ่ของโทลคีน ทั้งทางด้านจินตนาการ ศาสนา ปรัชญา นัยยะทางการเมือง โดยเฉพาะทางด้านภาษา อย่างเช่น อักขระเทงกวาร์ที่ใช้ในภาษาเควนยารวมถึงภาษาซินดารินที่เป็นภาษาของเผ่าพันธ์เอลฟ์ในวรรณกรรมนั้น มีวิธีศึกษาและสามารถนำมาใช้พูดได้จริงๆ 

สำหรับเนื้อหาใน ตำนานซิลมาริล นั้นแบ่งออกเป็น 5 ส่วน

ไอนูลินดาเล (Ainulindalë) มหาคีตาแห่งไอนัวร์ : เล่าถึงตำนานการสร้างโลก

วาลาเควนตา (Valaquenta) ตำนานแห่งวาลาร์ : เล่าถึงเหล่าวาลาร์ และ ไมอาร์ ซึ่งเป็นบรรดาชนศักดิ์สิทธิ์ (คือ ไอนัวร์)

เควนตา ซิลมาริลลิออน (Quenta Silmarillion) ตำนานแห่งซิลมาริล : ประวัติศาสตร์ตั้งแต่กำเนิดสิ่งมีชีวิตจนถึงสิ้นสุดยุคที่หนึ่ง เป็นเนื้อหาส่วนใหญ่ของหนังสือเล่มนี้

อคัลลาเบธ (Akallabêth) ชื่อนี้หมายถึง การล่มสลายของนูเมนอร์ : ว่าด้วยเรื่องราวการก่อตั้งเกาะนูเมนอร์ไปจนถึงกาลสิ้นสุดของเกาะ เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงยุคที่สอง

ว่าด้วยแหวนแห่งอำนาจ และยุคที่สาม (Of the Rings of Power and the Third Age) : เรื่องของการสร้างแหวน และเหตุการณ์ของยุคที่สาม ซึ่งเป็นเหตุการณ์ในเรื่องเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์

จะเห็นว่าส่วนที่ 5 จะมีสรุปเรื่องราวในช่วงยุคที่สามซึ่งก็คือยุคใน The hobbit และ lotr ด้วย เนื้อหาที่เป็นสาระสำคัญของเรื่องนี้จะอยู่ในส่วนของเควนตา ซิลมาริลลิออน  ซึ่งจะมีการบรรยายการสร้างอัญมณีซิลมาริลโดย เฟอานอร์พรายเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในเผ่าพันธุ์เอลฟ์ (เอลดาร์) ทั้งปวง

   โทลคีนใช้เวลารังสรรค์ตำนานซิลมาริลถึง 56 ปี ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ 1917 จนถึง 1973 (ช่วง 56 ปีนี้ก็ได้แต่งอีกหลายเรื่องอย่าง lotr The hobbit  The Children of Húrin  Unfinished tales และอีกหลายเรื่องเป็นจักรวาลเดียวกันทั้งหมด) และเสียชีวิตในปีนั้นก็ยังเขียนตำนานแห่งซิลมาริลไม่เสร็จ ทำให้ คริสโตเฟอร์ โทลคีน บุตรชายคนที่สามของ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ที่ชอบอ่านงานของพ่อตัวเองอยู่แล้วได้สานเจตนารมณ์ต่องานประพันธ์ของพ่อ โดยรวบรวมงานเขียนที่ยังค้างอยู่ ทั้งส่วนที่เขียนรายละเอียดแล้ว และส่วนที่มีเพียงแนวคิด โครงเรื่อง มาประพันธ์ต่อเองจนสำเร็จสมบูรณ์ในปี 1977     

 คริสโตเฟอร์ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณต่อวงการนิยายแฟนตาซีอีกหนึ่งคน เพราะถ้าหากไม่มีคริสโตเฟอร์สักคนก็อาจจะไม่มีคนสานต่อวรรณกรรมสุดยอด จากมันสมองของโทลคีนให้ออกมาเป็นเรื่องราวที่สามารถอ่านให้รู้เรื่องได้

 สุดท้ายนี้ผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า วรรณกรรมที่ทรงคุณค่าเหล่านี้จะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้นักเขียนนิยายแฟนตาซีในเมืองไทยไม่มากก็น้อยได้สามารถสร้างงานเขียนที่ทรงคุณค่าขึ้นมา ดั่งเช่นที่ตำนานแห่งซิลมาริลเล่มนี้มีอิทธิพลต่อนักเขียนนิยายแฟนตาซีในยุคต่อมาอย่าง เจ เค โรว์ลิ่ง และ จอร์จ อาร์ อาร์ มาร์ติน……….. ชื่อของ 2 คนนี้ดูไม่ดังเท่าเลย ว่าไหม ฮ่าฮ่าฮ่า   

 

Leave a comment