เมื่อพูดถึงนักเขียนการ์ตูน หลายคนคงนึกถึงนักเขียนการ์ตูนญี่ปุ่น
เพราะประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่การ์ตูนมังงะ ( การ์ตูนที่เป็นเล่ม ) มีชื่อเสียงโด่งดังและแพร่หลายไปทั่วโลก หลายๆ เรื่องเองก็โด่งดังมาถึงประเทศไทยเช่นกัน อย่างเจ้าหุ่นยนต์แมวสีฟ้าโดราเอมอนที่ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไปก็ยังเป็นที่รู้จักของทั้งคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ รวมทั้งการ์ตูนเรื่องอื่นๆ อย่าง ชินจังจอมแก่น, ดร.สลัมป์กับหนูน้อยอาราเล่, Sailor Moon, Dragon Ball, One Piece, Detective Conan ฯลฯ หรือแม้กระทั่งการ์ตูนของสหรัฐอเมริกาอย่าง Marvel Comics ที่โด่งดังจนได้ทำเป็นภาพยนตร์อีกด้วย
เมื่อลองหันกลับมาดูคนไทยเราบ้าง จะเห็นว่าอาชีพนักเขียนการ์ตูนยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก หรือไม่รู้จักเลย นักเขียนการ์ตูนที่คนไทยรู้จักมักจะเป็นชาวต่างชาติ
แล้วอะไรกันที่เป็นสาเหตุ
ใช่หรือไม่? เพราะการ์ตูนของไทยนั้น ไม่มีพระเอกถือดาบซามูไรแถมไม่หล่อ นางเอกไม่สวย ไม่อึ๋ม
ใช่หรือไม่? เป็นเพราะคนไทยไม่เก่ง ไม่มีศักยภาพเพียงพอ
ส่วนหนึ่งของสาเหตุอาจเป็นเพราะคนในประเทศไทยยังไม่ยอมรับกับการ์ตูน และผู้ใหญ่หลายคนยังคงมองว่าการ์ตูนไร้สาระ ไม่มีประโยชน์ ไม่ประเทืองปัญญา ไม่สามารถเจริญก้าวหน้าในอาชีพนักเขียนการ์ตูนได้ จึงไม่มีการสนับสนุนในด้านอุตสาหกรรมการ์ตูนมากนัก จนทำให้นึกถึงคำว่า “เต้นกินรำกิน” ที่ใช้ดูแคลนอาชีพที่ไม่น่าเชื่อถือ
ที่กล่าวเช่นนี้เนื่องจากมีประเด็นในสังคมที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
ลูกอยากเป็นนักวาดการ์ตูน โดนแม่ฉีก ขยำจนเละ โพสต์สุดเดือด “กูไม่น่าเกิดเป็นลูกมึงเลย”
ประเด็นนี้ตกเป็นที่ถกเถียงอย่างมากว่าแม่หรือลูกที่เป็นฝ่ายผิด หากมองในมุมของแม่ คงเพราะเหตุผลของคนเป็นพ่อแม่ทั่วไปที่ย่อมเป็นห่วงลูก อยากให้ลูกมีอนาคตที่ดี และมีความเชื่อว่านักเขียนการ์ตูนไม่ใช่อาชีพที่หาเงินได้เยอะ ดังคำที่ว่า “นักเขียนไส้แห้ง” ที่ใช้นิยามนักเขียนที่ไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพ แต่ในปัจจุบันซึ่งเป็นยุคDigitalนั้น ก็เป็นเรื่องน่าคิดว่าการแก้ปัญหาของแม่อาจเป็นวิธีที่ล้าสมัยไปแล้วหรือเปล่า?
และความเชื่อที่ว่านักเขียนการ์ตูนไม่สามารถประสบความสำเร็จก็ไม่ถูกต้องนัก โอกาสในการประสบความสำเร็จนั้นมีเสมอ อาจจะยากสักหน่อยแต่ก็เป็นไปได้เมื่อมีคนไทยอีกหลายต่อหลายคนสามารถคว้ารางวัลและพิสูจน์ให้ได้เห็นว่านักเขียนการ์ตูนไทยก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก โดยเฉพาะในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาที่สามารถคว้าไปได้ถึง 10 รางวัลใหญ่ๆ เช่น
ปี พ.ศ.2553
- นายจักรพันธ์ ห้วยเพชร หรือ ต้น ขายหัวเราะ มหาสนุก เป็นผู้ชนะเลิศ Gold Award จากการประกวด International Manga Award ครั้งที่ 3 ที่ประเทศญี่ปุ่น จากผลงานเปิดตัวที่มีชื่อว่า “Super Dunker” โดยมีเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กต่างจังหวัดที่มีทักษะความสามารถและพรสวรรค์ในการเล่นสตรีทบาสเก็ตบอล
ปี พ.ศ.2554
- นายวีระชัย ดวงพลา เจ้าของนามปากกา เดอะดวง เข้ารับรางวัลเหรียญเงิน หรือ Silver Award จากการประกวด International Manga Award ครั้งที่ 4 ที่ประเทศญี่ปุ่นโดยผลงานการ์ตูนที่ชื่อ “เรื่องมีอยู่ว่า” โดยครั้งนี้เป็นการส่งผลงานเข้าประกวดครั้งที่ 2
- คนไทยเจ้าของนามปากกา Formalin ได้รับรางวัลชมเชยหรือ Bronz Award จากเรื่อง “Pandora”
ปี พ.ศ.2555
- นายธนิสร์ วีระศักดิ์วงศ์ เจ้าของนามปากกา สะอาด ได้รับรางวัลเหรียญเงินหรือ Silver Award จากผลงานหนังสือ “ชายผู้ออกเดินทางตามเสียงของตัวเอง” และยังมีผลงานเขียนการ์ตูนลงนิตยสาร Let’s Comic อย่างต่อเนื่อง
ปี พ.ศ.2556
- นายโกสินทร์ จีนสีคง ได้รับรางวัลชนะเลิศ Gold Award จากการประกวด International Manga Award ครั้งที่ 6 ที่ประเทศญี่ปุ่นด้วยผลงานชื่อ “แว่วเสียงกริ่งกังสดาล หรือ Listening to the Bell”
- ผลงานของไทยอีกเรื่องหนึ่งคือ “โรงเรียนเม็ดกวยจี้เทอม 3” ซึ่งเป็นผลงานของ นายอิทธิวัฐก์ สุริยมาตย์ ที่คว้ารางวัลรองชนะเลิศหรือ Silver Award จากการประกวดในครั้งนี้ด้วย
ปี พ.ศ.2557
- นายกิตติวัฒน์ ตรงสุจริตสิน ศิษย์เก่าสาขาคอมพิวเตอร์อาร์ต มหาวิทยาลัยรังสิตผลงานเรื่องสั้นของเขาถูกตาต้องใจสำนักพิมพ์การ์ตูน “ชูเอฉะ โชเนน จัมพ์” ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
- Asuka111 นักวาด Amimation แบบ Digital Painting ชนะการแข่งขันวาดการ์ตูนระดับเอเชียในประเทศสิงคโปร์ เป็นการวาดรูปแปลงครึ่งสิงโตครึ่งปลาของ Merlion สัญลักษณ์ของสิงคโปร์ให้กลายเป็นสาวน้อยในชุดแดง-ขาวตามสีธงชาติสิงคโปร์ พร้อมลูกเล่นพลาสเตอร์ปิดหน้าผากที่อิงจากประวัติศาสตร์ของรูปปั้น Merlion ที่เคยถูกฟ้าผ่าจนต้องซ่อมแซมเมื่อปี พ.ศ.2552
- เปรมา จาตุกัญญาประทีป ได้รับรางวัลชนะเลิศ Gold Award จากการประกวด International Manga Awards ครั้งที่ 7 ที่ประเทศญี่ปุ่นจากผลงานเรื่อง “Bokbig เจ้าหมาตัวแสบ”
ปี พ.ศ.2558
- อาร์ต จีโน นักวาดการ์ตูนไทยที่สามารถคว้ารางวัล Bronze Awards จากเวทีประกวด International Manga Awards ครั้งที่ 8 ที่ประเทศญี่ปุ่น และถือเป็นครั้งที่สองที่ได้รับรางวัลนี้ โดยเขาหยิบยกชีวิตมัธยมของตนและคนใกล้ตัวมาเขียนเป็น “JUICE” การ์ตูนเรื่องยาวเล่มแรกในชีวิต
แม้จะมีคนมองว่าการ์ตูนเป็นสิ่งไร้สาระ แต่ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ยอมรับและมีผลงานการ์ตูนเป็นของตัวเอง เพียงแต่รูปแบบเปลี่ยนจากการตีพิมพ์เป็นการ์ตูนที่เปิดกว้างให้อ่านบนโลกออนไลน์ได้ เช่น การ์ตูนเรื่องคุณแม่วัยใสบนแอพพลิเคชั่น LINE WEBTOON นอกจากการ์ตูนเรื่องนี้ก็ยังมีการ์ตูนอีกมากมายจากทั่วโลกที่สามารถอ่านได้ฟรีอีกด้วย และการ์ตูนไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การเป็นสื่อสิ่งพิมพ์หรือรูปแบบออนไลน์ แต่การ์ตูนได้ผันตัวเองให้มีส่วนร่วมกับสื่ออื่นๆ เช่น สติ๊กเกอร์และธีมบนแอพพลิเคชั่น LINE เป็นต้น
ยิ่งไปกว่านั้น วงการการ์ตูนในไทยได้แสดงให้เห็นถึงการเป็นที่ยอมรับและพัฒนาการที่มากขึ้น โดยมีผลงานอนิเมชั่นเรื่องยาวอย่าง “๙ ศาสตรา” ที่กำลังได้รับความนิยมในไทยเป็นสิ่งยืนยัน อนิเมชั่นเรื่องนี้เป็นผลงานจากผู้สร้างคนไทยกว่า 200 ชีวิตที่มีความตั้งใจและหวังจะส่งออกคอนเทนท์แบบไทยๆ สู่ตลาดภาพยนตร์ระดับโลก จะเห็นได้จากการเผยแพร่ตัวอย่างภาพยนตร์ ๙ ศาสตราในรูปแบบพากย์เสียงภาษาอังกฤษ และล่าสุดประเทศจีนได้เข้ามาเจรจาซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์เรื่องนี้ไปฉายแล้วด้วย
การจะประสบความสำเร็จได้นั้น ไม่ว่าจะสายอาชีพไหนก็ต้องใช้ทักษะ ความพยายาม พรสวรรค์ พรแสวง หรืออาจต้องพึ่งแม้กระทั่งโชค เพราะงานของนักเขียนการ์ตูนนั้นไม่อาจวัดกันเป็นค่าของเงินที่แน่นอนได้ ขึ้นอยู่ที่ว่าจะมีผู้เห็นค่าของผลงานชิ้นนั้นมากน้อยแค่ไหน อาชีพนี้จะเกิดขึ้นได้ นอกจากนายทุนต้องมีความพร้อมที่จะลงทุนกับอุตสาหกรรมการ์ตูนแล้ว คนที่รักในอาชีพนักเขียนการ์ตูนพิสูจน์ตัวเองแล้ว ผู้บริโภคก็จะต้องให้การสนับสนุนด้วย
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงเเละภาพจาก
www.khaosod.co.th , www.kapook.com , www.akibatan.com ,www.matohihi.exteen.com ,Voice TV เเละ Thai PBS